หน้าแรก

ใบความรู้ เรื่อง การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ภาษา HTMLและ Java Script

เอชทีเอ็มแอล (อังกฤษ: HTML ย่อมาจาก Hypertext Markup Language) เป็นภาษามาร์กอัปหลักในปัจจุบันที่ใช้ในการสร้างเว็บเพจ หรือข้อมูลอื่นที่เรียกดูผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์ ซึ่งตัวโค้ดจะแสดงโครงสร้างของข้อมูล ในการแสดง หัวข้อ ลิงก์ ย่อหน้า รายการ รวมถึงการสร้างแบบฟอร์ม เชื่อมโยงภาพหรือวิดีโอด้วย โครงสร้างของโค้ดเอชทีเอ็มแอลจะอยู่ในลักษณะภายในวงเล็บสามเหลี่ยม < > เรียกว่า แท็ก (Tag) บันทึกเป็นไฟล์นามสกุล .html หรือ .htm และนำไฟล์ที่เป็น Html ไปเปิดด้วยเว็บเราว์เซอร์

วิธีการเรียกใช้โปรแกรม

Start > All Programs > Accessories > Notepad




โครงสร้างของภาษา HTML

โครงสร้างของภาษา html จะประกอบด้วย ส่วนด้วยกัน คือส่วนที่เป็นส่วนหัว (head) และส่วนเนื้อหา (body) โดยมีรูปแบบภาษาดังนี้

<html>
<head>
<title>ข้อความที่ต้องการให้แสดงบนไตเติ้ลบาร์ </title>
</head>

<body>
คำสั่งและข้อความให้แสดงบน browser
</body>
</html>




บล็อก <html> ... </html>

เป็นบล็อกแรกที่จะต้องมีในเอกสาร และจะครอบคลุมบล็อกต่างๆ คือ เอกสาร html ทุกเอกสารจะต้องขึ้นต้นด้วย <html> และ ปิดท้ายด้วย </html> แต่ละ file และบล็อกอื่นๆ จะถูกเขียนอยู่ในบล็อกนี้ โดยจะมีบล็อกหลักๆ อยู่ บล็อกก็คือ บล็อก head และ body 

บล็อก <head> ... </head>

เป็นส่วนหัวเรื่องของเอกสาร ภายในจำเป็นจะมี บล็อก <title>... </title> ซึ่งจะเป็นแท็กผู้เขียน html นั้นใช้ตั้งเป็นไตเติ้ลสำหรับบอกโดยรวมว่าเอกสารนั้นต้องการเสนออะไร แล้วเวลาที่จะ bookmark ชื่อที่จะ save คือชื่อที่อยู่ใน บล็อก title นี้ ชื่อไตเติ้ลนี้จะต้องมีความยาวไม่เกิน 64 ตัวอักษร

บล็อก <body> ... </body>

เป็นบล็อกที่บรรจุข้อมูลต่างๆ ที่ต้องการให้แสดงบน browser ไม่ว่าจะเป็น ข้อความ รูป ตาราง หรือแท็กที่ใช้ในการกำหนดรูปแบบของเอกสาร

comment (หมายเหตุ)

หลังจากที่ทำการเขียนโปรแกรมไปสักระยะหนึ่ง เราหรือเพื่อนอาจจะนำโปรแกรมที่เขียนขึ้นมานั้นไปพัฒนาต่อ ซึ่งอาจจะลืมเนื้อหาสาระสำคัญแล้วทำให้ดำเนินการเขียนต่อไม่ได้ จึงต้องมีการเขียน comment เพื่อช่วยเตือนความทรงจำได้

สำหรับคำสั่ง comment จะใช้ <! เป็นแท็กเปิด และใช้ เป็นแท็กปิดข้อความที่อยู่ระหว่าง <!...> จะไม่ถูกแสดงบน เว็บบราวเซอร์

หลักการเขียนภาษา HTML แบบง่ายๆ

1. จัดให้คำสั่งเปิดและปิดในแต่ละชุดคำสั่งอยู่ใน column ตรงกัน

2. ข้อความที่ไม่ยาวมาก ถ้ามีคำสั่งเปิดและปิด ให้เขียนในบรรทัดเดียวกัน

3. คำสั่งที่มีตัวเปิดและปิด ให้เขียนตัวเปิด/ปิดให้เรียบร้อยก่อนที่จะเขียนข้อความลงไป
เช่น ต้องการเขียน"โฮมเพจของข้าพเจ้า My Homepage"ก็ควรเริ่มด้วย

                                        <H2> </H2>
                                        <H2><B> </B></H2>
                                        <H2><B>โฮมเพจของข้าพเจ้า My Homepage</B></H2>

วิธีการนี้จะช่วยให้ลดความผิดพลาดลงได้มาก

4. ข้อความที่อยู่ในคำสั่งเปิดและปิด ให้พิมพ์เยื้องไปทางขวา

5. คำสั่งใดที่อยู่ในคำสั่งเปิดและปิดของคำสั่งอื่น ให้พิมพ์เยื้องไปทางขวามากกว่าเดิมอีก เล็กน้อย


การกำหนดสี

การกำหนดสีให้พื้นฉากหลัง Background
การกำหนดสีของแบ๊คกราวด์ เราจะมีการเพิ่มคำว่า bgcolor = #รหัสสี เข้าไปในแท็ก <body> ดังนี้

<body bgcolor = #รหัสสี>

โดยรหัสสีจะมีรูปแบบเป็นเลข หลัก แต่ละหลักแทนด้วยเลขฐาน16 (0-9,A-F) โดยที่เลข หลักแรกแทนค่า สีแดง สองหลักต่อมาแทนค่า สีเขียว สองหลักสุดท้ายแทนค่า สีน้ำเงิน เรามีตัวอย่างรหัสสีมาให้ดู ส่วนสีอื่นๆ ดูได้ 

สี

รหัสสี

แดง

#FF0000

เขียว

#00FF00

น้ำเงิน

#0000FF

ขาว

#FFFFFF

ดำ

#000000

เทา

#BBBBBB

การกำหนดสีให้กับตัวอักษร
ถ้าต้องการที่จะกำหนดสีให้กับตัวอักษรทั้งเอกสาร เราจะเพิ่ม Text = #รหัสสี ไว้ในแท็ก body ดังนี้

<body Text = #รหัสสี>

แต่ถ้าต้องการมีการกำหนดสีของ background อยู่ด้วย เขียนดังนี้

<body bgcolor = #รหัสสี text = #รหัสสี>

แต่ถ้าต้องการกำหนดสีเพื่อที่จะเน้นข้อความบางข้อความให้แตกต่างจากข้อความอื่น จะมีรูปแบบดังนี้

<font color = #รหัสสี>ข้อความ</font>

การกำหนดขนาดของตัวอักษร สามารถทำได้เช่นกัน รูปแบบดังนี้

<font size = ตัวเลข>ข้อความ </font>

ตัวเลขจะมีค่าจาก –7 ถึง จากขนาดเล็กไปขนาดใหญ่ ค่ามาตรฐาน คือ +3

เช่น <FONT FACE="-JS Wansika"><FONT SIZE=+3><FONT COLOR="#FF0000">ข้อความ</FONT></FONT></FONT>

หมายเหตุ

ถ้าไปดูเว็บไหนแล้วชอบใจเห็นมีลูกเล่นแปลกๆ ... อยากรู้ว่าเขาเขียนยังไง ลองดู source code ของ web นั้นดูได้ โดยที่เมนูของเบราเซอร์คลิกที่ View แล้วไปที่ Source หรือ Page source หรือ Document Source เบราเซอร์ จะแสดง source code ซึ่งก็คือ html ของเอกสารนั้น ลองดู แล้วก็เอามาศึกษาดูว่าถ้าจะเขียนแบบนั้นจะทำได้ยังไง


การใส่รูปภาพ

ในการนำรูปภาพมาใส่ในเว็บนั้น เป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้ โฮมเพจของเราดูน่าสนใจยิ่งขึ้น แต่ว่าถ้ามีมากไปก็ไม่ไหว เพราะว่ามันจะทำให้โหลดช้าขึ้น คงจะไม่ทันใจสำหรับพวกใจร้อนทั้งหลาย สำหรับแท็กที่ใช้แทรกรูปภาพ จะมีรูปแบบดังนี้

<img src = ชื่อ file รูปภาพ width = ตัวเลข height = ตัวเลข >

width = ตัวเลข ตัวเลขในที่นี้หมายถึง ความกว้างของภาพ
height = ตัวเลข ตัวเลขในที่นี้หมายถึง ความสูงของภาพ

แต่ไม่จำเป็นต้องระบุก็ได้เมื่อไม่ต้องการขยาย หรือย่อภาพนั้น คงจะเคยเห็น เมื่อเราเข้าไปบาง web ในขณะที่เรากำลังรอ load ภาพอยู่นั้น จะมีตัวหนังสืออยู่ตรงบริเวณภาพนั้น เพื่อบอกว่าภาพนั้นเป็นภาพอะไร เราก็ทำได้ เพียงแต่แทรก attribute นี้เข้าไป

alt = "ข้อความ"

เช่น <IMG SRC="New.JPG" HEIGHT=120 WIDTH=102>


การเอารูปภาพมาทำ background

โดยแทรก attribute นี้เข้าไปที่ tag body

background=file รูปภาพ

เช่น < body BACKGROUND="dao.gif">

เมื่อมี background รูปภาพแล้ว ก็น่าจะมี background เสียงด้วย


การเอาเพลง MIDI มาทำ background

ถ้าเพื่อนๆ อยากให้มีตัว play กับ ตัว stop อยู่ที่ตรงไหนใน web ก็แทรก tag นี้เข้าไปได้เลย

<embed src=ชื่อ file เพลง autostart=true volum=10 height=25 width=100 controls=smallconsole></embed>

เมื่อแทรกแท็กนี้เข้าไปใน page ไหน เมื่อเปิด page นั้นมา ก็จะได้ยินเพลงเลยถ้าอยากจะหยุดเพลงก็เพียงกดที่ตัว stop จะทำให้หยุดเสียง

เช่น <EMBED SRC="com9.mid" AUTOSTART="TRUE" HEIGHT="46" WIDTH="130"></EMBED> 


การกำหนดขนาดของตัวอักษร

การกำหนดขนาดของตัวอักษรหัวเรื่อง

¨ <Hn>...</Hn>
ใช้กำหนดขนาดของหัวเรื่องมีอยู่ ระดับ
คือ H1,H2,H3,H4,H5 และ H6 โดยจะเรียงจากขนาดใหญ่ไปหาเล็ก

การกำหนดขนาดของตัวอักษร

¨ <FONT SIZE = n>...</FONT>
ใช้กำหนดขนาดตัวอักษรคล้ายกับ <Hn> แต่ สามารถใช้คำสั่งนี้ เขียนอักษรหลายขนาด อยู่ในบรรทัดเดียวกันได้
โดย แทนตัวเลขตั้งแต่ n = 1-7 โดยจะเรียงจากขนาดเล็กไปหาใหญ่
โดยทั่วไปหากไม่กำหนดขนาด ตัวอักษรจะมีค่า size=3 หรือ 12 pixel

บางครั้งเราจะพบการกำหนดค่า <FONT SIZE = -n> หรือ <FONT SIZE = +n>

¨ หากกำหนดค่าเป็น หมายถึงเพิ่มขนาดขึ้น ขั้น เมื่อเทียบกับขนาดที่ผู้ใช้กำหนดไว้ เช่น เมื่อผู้ใช้กำหนด MS Sans Serif ขนาด 12 pixel

<FONT SIZE = +2> จะเท่ากับ size=5 (18 pixel)

เมื่อผู้ใช้กำหนด AngsanaUPC ขนาด 18 pixel

¨ หากกำหนดค่าเป็น – หมายถึงลดขนาดลง ขั้น เมื่อเทียบกับขนาดที่ผู้ใช้กำหนดไว้ เช่น 
เมื่อผู้ใช้กำหนด MS Sans Serif ขนาด 12 pixel

<FONT SIZE = -1> จะเท่ากับ size=2 (10 pixel)

เมื่อผู้ใช้กำหนด AngsanaUPC ขนาด 18 pixel

<FONT SIZE = -1> จะเท่ากับ size=4 (14 pixel)

¨ หากกำหนดค่าเป็น หมายถึงเพิ่มขนาดขึ้น ขั้น เมื่อเทียบกับขนาดที่ผู้ใช้กำหนดไว้ เช่น เมื่อผู้ใช้กำหนด MS Sans Serif ขนาด 12 pixel

<FONT SIZE = +2> จะเท่ากับ size=5 (18 pixel)

เมื่อผู้ใช้กำหนด AngsanaUPC ขนาด 18 pixel

<FONT SIZE = +2> จะเท่ากับ size=7 (36 pixel)

 




การกำหนดชนิดของตัวอักษร

รูปแบบ :<FONT FACE= ชื่อของ font SIZE=n>...</FONT>

การกำหนดชนิดและ ขนาดของตัวอักษรจะทำให้ผู้อ่านได้เห็นเว็บเพจ ในลักษณะที่ใกล้เคียงกับผู้เขียนต้องการมากที่สุด ทำให้ได้รับอรรถรสที่ผู้เขียนต้องการสื่อมากที่สุด โดยทั่วไปการกำหนดชนิดตัวอักษร อาจทำได้ครั้งละหลายชนิดโดย Browser จะไปหา ชนิดตัวอักษรที่เป็นชื่อแรกก่อน ต่อเมื่อไม่พบจึงจะไปหาตัวที่สอง สาม ต่อไปเรื่อยๆ หากไม่พบก็จะใช้ชนิดตัวอักษรที่ผู้อ่านกำหนดไว้แทน

ชนิดตัวอักษรที่กำหนดควรจะเป็นชนิดที่ผู้เขียนต้องการแสดง หรือเป็นชนิดที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย สำหรับการกำหนดตัวอักษรไทยมักจะเป็นปัญหาเนื่องจาก ตัวอักษรไทยส่วนใหญ่มีขนาดความสูงน้อยกว่า ตัวอักษรภาษาอังกฤษ หากกำหนดขนาดใหญ่มักจะทำให้มองเห็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ ใหญ่เกินไป

ชนิดตัวอักษรที่มักจะใช้กันก็คือ

· AngsanaUPC,CordiaUPC หรือ ชนิดตัวอักษร ที่ลงท้ายด้วยUPCตัวอื่น ขนาด 14 หรือ 18 pixel (size=4 หรือ 5)

· DB ThaiText ขนาด 14 หรือ 18 pixel (size=4 หรือ 5)

· MS Sans Serif ขนาด 10 หรือ 12 pixel (size=2 หรือ 3)

รูปแบบที่แนะนำ

· <FONT FACE= "MS Sans Serif" SIZE=-1>...</FONT>

· <FONT FACE= "CordiaUPC,MS Sans Serif" SIZE=-1>...</FONT>

· <FONT FACE= "Thonburi,MS Sans Serif" SIZE=-1>...</FONT> 


รูปแบบตัวอักษร

รูปแบบตัวอักษรแบบ Physical Style

· <B>...</B> สั่งให้แสดงตัวอักษรแบบหนา

· <I>...</I> สั่งให้แสดงตัวอักษรเอน

· <U>...</U> ช่วยเน้นข้อความด้วยการขีดเส้นใต้

· <TT>...</TT>สั่งให้แสดงตัวอักษรแบบตัวพิมพ์ดีด(มีความกว้างของแต่ละตัวอักษรเท่ากันหมด)

· <SUP>...</SUP>สั่งให้แสดงตัวอักษรยก(superscript)

· <SUB>...</SUB>สั่งให้แสดงตัวอักษรแบบห้อย(subscript)

รูปแบบตัวอักษรแบบ Logical Style ที่ใช้กันบ่อยๆ เช่น

n <ADDRESS>...</ADDRESS> กำหนดให้เป็นตัวอักษรเอน มักใช้กับที่อยู่

n <CITE>...</CITE>สั่งให้แสดงตัวอักษรเอน ในการอ้างอิง

n <VAR>...</VAR>สั่งให้แสดงตัวอักษรเอน ระบุตัวแปร

n <CODE>...</CODE>สั่งให้แสดงตัวอักษรแบบ monospace ในการเขียนรหัสโปรแกรม

n <SAMPLE>...</SAMPLE>สั่งให้แสดงตัวอักษรแบบ monospace ในการเขียนตัวอย่าง

n <STRONG>...</STRONG>สั่งให้แสดงตัวอักษรตัวเข้มมีค่าเหมือนกับ <B>...</B>

n <BLINK>...</BLINK>สั่งให้แสดงตัวอักษรกระพริบ (ใช้ได้เฉพาะกับ Netscape Navigator)

n <MARQUEE>...</MARQUEE>สั่งให้แสดงตัวอักษรวิ่ง (ใช้ได้เฉพาะกับ Internet Explorer)

รูปแบบตัวอักษรแบบ พิเศษ
ใช้เมื่อเราต้องการ ให้แสดงสัญลักษณ์ที่เราต้องการซึ่งไม่สามารถใช้แป้นพิมพ์โดยตรงได้ ออกมาบนหน้าจอ 

 

ตัวอักษร

เขียนแทนด้วย

<
>
&
"

&lt;
&gt;
&amp;
&quot;





คำสั่งจัดการเกี่ยวกับสี

เราสามารถกำหนดค่าสีได้ แบบ คือ

1. สี="#xxxxxx" ระบุเป็นเลขฐาน 16 (0-9 หรือ A-F โดย มีค่าสีน้อยที่สุด และ มีค่าสีมากที่สุดทั้งหมด ชุด ชุดแทนด้วยตัวอักษร ตัว 
แสดงค่าของแม่สี แดง เขียว นํ้าเงิน (RGB)โดยเขียนตามหลังเครื่องหมาย 
เช่น"#FFFFFF" จะให้ สีขาว ,"#000000" จะให้ สีดำ

2. สี=color ระบุสีลงไปเลย เช่น white,black,blue,red

การประยุกต์ใช้

ระบุสีของพื้นหลัง BGCOLOR = สี
ใช้แทรกไว้ที่ <BODY> เพื่อกำหนดสีพื้นของ page

<BODY BGCOLOR = สี>
... 
</BODY>

 

ใช้แทรกไว้ที่ <TABLE> เพื่อกำหนดสีพื้นของ ตาราง

 

<TABLE BGCOLOR = สี>
... 
</TABLE>

 

ใช้แทรกไว้ที่ <TD> เพื่อกำหนดสีของ cell

 

<TD BGCOLOR = สี>...</TD>

 

ระบุสีของวัตถุ COLOR = สี
ใช้ในการกำหนดสี ให้กับตัวอักษร

 

<FONT COLOR = สี>...</FONT>



เทคนิคการจัดการรูปภาพ

รูปแบบ : <IMG SRC = "ไฟล์รูปภาพ" ALT = "ข้อความ">

· ALT ใช้แสดงข้อความแทนรูปสำหรับผู้ใช้ internet แบบ Text mode

· LOWSRC ใช้แสดงรูปที่มีความละเอียดน้อย ก่อนแสดงรูปจริง

· ALIGN วางตำแหน่งของรูปภาพ

          ALIGN=TOP วางส่วนบนของรูปภาพ ไว้ที่ baseline ของบรรทัด

           ALIGN=LEFT วางตำแหน่งของรูปภาพ ไว้ที่ด้านซ้ายของเอกสาร

          ALIGN=RIGHT วางตำแหน่งของรูปภาพ ไว้ที่ด้านขวาของเอกสาร

          ALIGN=ABSMIDDLE วางส่วนกลางของรูปภาพ ไว้ที่กลางบรรทัดของข้อความ

          ALIGN=MIDDLE วางส่วนกลางของรูปภาพ ไว้ที baseline ของบรรทัด

          ALIGN=BOTTOM วางส่วนล่างของรูปภาพ ไว้ที่ baseline ของบรรทัด

           ALIGN=ABSBOTTOM วางส่วนของรูปภาพ ไว้ที่ baseline ของบรรทัด แต่ถ้ามี subscript จะวางไว้ระดับนั้น ซึ่งต่ำกว่า bottom

· WIDTH กำหนดความกว้างของรูปภาพ

· HEIGHT กำหนดความสูงของรูปภาพ

· BORDER แสดงเส้นขอบรูป

· VSPACE กำหนดระยะห่างทางด้านบน,ล่าง

· HSPACE กำหนดระยะห่างทางด้านซ้าย,ขวา

<BODY BACKGROUND = "ไฟล์รูป">
ใช้แสดงภาพที่ฉากหลัง (background)
<IMG DYNSRC = "ไฟล์ภาพเคลื่อนไหว" LOOP=เวลา(วินาที)">
ใช้แสดงภาพเคลื่อนไหว( file *.avi)

 

เทคนิคการเชื่อมโยงข้อมูลบนโฮมเพจ 

การเชื่อมโยงข้อมูล สามารถกำหนดขึ้นด้วยชุดคำสั่ง A (anchor) โดยที่ ชุดคำสั่ง จะต้องใช้ร่วมกับ HREF หรือ NAME เสมอ มีรูปแบบการใช้คือ

              o <A HREF="xxx"> จะใช้เพื่อบอกว่าจะเชื่อมต่อไปที่ไหน

              o <A NAME="xxx"> ทำหน้าที่เป็นตำแหน่งอ้างถึงบนเอกสาร

โครงสร้างของ HTML จะเป็นดังนี้

<A HREF=เป้าหมายที่จะไปสิ่งที่จะถูกกำหนด ให้เป็น link</A> 

หรือองค์ประกอบเพิ่มเติมคุณสมบัติมีได้ ดังนี้ :

รายละเอียดของคำสั่ง:

1. สิ่งที่อยู่ระหว่างชุดคำสั่ง<A HREF>...</A>คือสิ่งที่จะถูกกำหนด ให้เป็น link ซึ่งเป็นได้ทั้งข้อความ และรูปภาพ หากมีการระบุให้เป็น linkแล้ว เมื่อนำเมาส์ไปวางไว้ บน link นั้น สัญลักษณ์เมาส์ จะเปลี่ยน เป็นรูปมือชี้ หากจุด link เป็นข้อความ ก็จะเห็น ข้อความ มีขีดเส้นใต้ด้วย

หากใช้ข้อความ จะมีรูปแบบ คือ <A HREF=เป้าหมายที่จะไป>ข้อความ</A>

หากใช้รูปภาพ เป็นตัวเชื่อมโยงข้อมูล จะมีรูปแบบ คือ <A HREF = "เป้าหมาย"><IMG SRC = "ไฟล์ภาพ"></A>

2. การเชื่อมโยงข้อมูล มีอยู่ ชนิดคือ

2.1 การเชื่อมโยงแบบสัมพัทธ์ (Relative URL) ใช้เชื่อมโยงข้อมูลบน เวบไซต์เดียวกัน หรือบน server เดียวกัน

o <A HREF = "filename">...</A> ใช้สำหรับ Link ไปที่ filename นั้น ถ้า file อยู่ใน directory เดียวกันสามารถเขียนชื่อ file นั้นได้เลย แต่ถ้า อยู่คนละ directory ก็ใช้ แทน การอ้างอิง directory ในระดับที่สูงกว่า และ ../ แทนระดับที่ต่ำกว่า เช่น
<A HREF = "../test.html">TEST</A> หมายถึง Link ไฟล์ test.html ซึ่งไฟล์นี้อยู่ใน directory ที่ตำกว่า directory ปัจจุบัน

o <A HREF = #เป้าหมาย>...</A> ใช้สำหรับ Link ข้อความ ที่อยู่บนเว็บเพจเดียวกัน ใช้สำหรับเพจที่ยาวๆ เมื่อ click link แล้วก็จะพาไปยังตำแหน่งที่ตั้งไว้ใน เพจเดียวกันทันที ใช้
<A NAME = ชื่อเป้าหมาย>...</A> เป็นตัวกำหนดตำแหน่ง เป้าหมาย

o <A HREF = "filename#เป้าหมาย">...</A>ใช้สำหรับ Link ข้อความ ที่อยู่คนละหน้ากัน

2.2 การเชื่อมโยงแบบสัมบูรณ์ (Absolute URL) ใช้เชื่อมโยงข้อมูลที่อยู่ต่างไซต์กัน มีรูปแบบได้หลายอย่างดังนี้

· <A HREF="http://....">
แบบนี้จะเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจต่างๆ ตามที่ระบุ

· <A HREF="ftp://....">
แบบนี้จะเชื่อมโยงไปยัง FTPserver โดยทั่วไปมักจะเป็นจุดดาวน์โหลดไฟล์ต่างๆ หากเป็น FTP site ที่เป็นสาธารณะ ก็จะเข้าไปดูหรือเลือกไฟล์ได้เลย แต่ถ้าเป็น Private FTP site จะต้องระบุ username และ password ด้วย รูปแบบของ URL จะเปลี่ยนเป็นดังนี้ <HREF="ftp://username:password@domainname/dir1/dir2/ 

filename">

· <A HREF="gopher://....">
แบบนี้จะเชื่อมโยงไปยัง gopher server

· <A HREF="news://....">

แบบนี้จะเชื่อมโยงไปยัง news server

· <A HREF="mailto:yourname@domainname">

แบบนี้จะโหลดโปรแกรม email และระบุชื่อผู้รับ mail ตามที่ระบุ

 


 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น