หน้าแรก

ใบความรู้ เรื่อง การวิเคราะห์ตัดสินใจการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล

 ใบความรู้

เรื่อง  การวิเคราะห์ตัดสินใจการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล

ข้อมูลมีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก ในแต่ละวันนักเรียนจะได้รับข้อมูลข่าวสารผ่านอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายสังคมจำนวนมากและรวดเร็ว ข้อมูลที่เผยแพร่นั้นมีทั้งข้อมูลที่เป็นจริงและเป็นเท็จ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น ดังนั้นการนำผลงานของผู้อื่นไปใช้อย่างถูกต้อง การเลือกรับและส่งต่อข้อมูลอย่างมีวิจารณญาณ การรู้เท่าทันสื่อ จะทำให้การใช้ชีวิตในโลกไซเบอร์มีความปลอดภัย”

การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล

การนำข้อมูลมาใช้ในการเรียน การทำงาน และการตัดสินใจ ต้องพิจารณาความถูกต้องของข้อมูลที่นำมาจากแหล่งข้อมูลหลาย ว่าแหล่งข้อมูลมีความน่าเชื่อถือ ถูกต้องสมบูรณ์ สอดคล้องตรงตามความต้องการ และมีความทันสมัย

เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีคุณภาพ จึงต้องมีการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล โดยใช้ประเด็นพิจารณาของ “พรอมท์ (PROMPT)

PROMPT ประกอบด้วย

  • Presentation – การนำเสนอ (มีการวางเค้าโครงที่เหมาะสม มีรายละเอียดชัดเจน ไม่คลุมเครือ ใช้ภาษาและสำนวนถูกต้อง เนื้อหามีความกระชับ)
  • Relevance – ความสัมพันธ์ (ความสอดคล้องของข้อมูลกับสิ่งที่ต้องการ ไม่ขัดแย้งกับข้อมูลที่เกี่ยวข้อง)
  • Objectivity – วัตถุประสงค์ (มีวัตถุประสงค์ชัดเจน ไม่แสดงความคิดเห็นหรือมีเจตนาแอบแฝง)
  • Method – วิธีการ (มีการวางแผนในการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ)
  • Provenance – แหล่งที่มา (มีการระบุแหล่งที่มาอย่างชัดเจน)
  • Timeliness – เวลา (มีความทันสมัย เป็นปัจจุบัน ระบุช่วงเวลาที่สร้างข้อมูล)

การตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแหล่งที่มาของข้อมูล

การค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ หรือแหล่งที่มาของข้อมูล เพื่อนำไปใช้งานและอ้างอิง จำเป็นต้องตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแหล่งที่มาของข้อมูลก่อน ไม่เช่นนั้นอาจได้ข้อมูลที่ขาดความถูกต้อง และเกิดปัญหาตามมาในภายหลัง ซึ่งมีวิธีการตรวจสอบดังนี้

1.       บอกวัตถุประสงค์ในการสร้างหรือเผยแพร่อย่างชัดเจน

2.       นำเสนอเนื้อหาตรงตามวัตถุประสงค์ในการสร้างหรือเผยแพร่ข้อมูล

3.       มีเนื้อหาไม่ขัดต่อกฎหมาย ศีลธรรม จริยธรรม

4.       ระบุชื่อผู้เขียนบทความ หรือผู้ให้ข้อมูลบนเว็บไซต์

5.       อ้างอิงแหล่งที่มาหรือแห่งต้นตอของข้อมูล

6.       สามารถเชื่อมโยง (link) ไปเว็บไซต์ที่อ้างอิงถึงเพื่อตรวจสอบต้นตอของข้อมูลได้

7.       ระบุวันเวลาในการเผยแพร่ข้อมูล

8.       มีช่องทางติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์

9.       มีช่องทางให้แสดงความคิดเห็น

10.   มีข้อความเตือนผู้อื่นให้ใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจใช้ข้อมูล

บางเว็บไซต์อาจใช้ชื่อคล้ายหน่วยงานราชการที่เป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เว็บไซต์เหล่านี้อาจให้ข้อมูลที่คาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ผู้ใช้ควรสังเกตให้รอบคอบและตรวจสอบว่าเป็นเว็บไซต์ที่แท้จริงของหน่วยงานนั้น โดยสามารถตรวจสอบชื่อเว็บไซต์และข้อมูลต่าง ๆ ได้จากเว็บไซต์ที่ให้บริการตรวจสอบ เช่น whois.domaintools.com

 

การรู้เท่าทันสื่อ

เป็นความสามารถในการป้องกันตนเองจากการถูกโน้มน้าวด้วยเนื้อหาที่เป็นเท็จและมีผลกระทบต่อผู้รับสื่อ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือทางการตลาดหรือผลประโยชน์ที่นำเสนอ การรู้เท่าทันสื่อ ผู้รับสารต้องสามารถตีความ วิเคราะห์ แยกแยะเนื้อหาสาระของสื่อ คิดก่อนนำไปเผยแพร่

การรู้เท่าทันสื่อสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ ได้แก่

1. ตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกและจัดสรรเวลาในการใช้สื่อ

2. เรียนรู้ทักษะการรับสื่อแบบวิพากษ์ วิเคราะห์และตั้งคำถามว่าสื่อนั้นถูกสร้างขึ้นอย่างไร น่าเชื่อถือหรือไม่

3. วิเคราะห์สื่อในเชิงสังคม การเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์

ข่าวลวงและผลกระทบ

ข่าวลวง (fake news) เป็นรูปแบบหนึ่งของการก่อกวน ซึ่งนำเสนอเรื่องราวเป็นเท็จ มีวัตถุประสงค์แอบแฝงที่แตกต่างกัน เช่น เพื่อขายสินค้า ทำให้เข้าใจผิด สร้างความสับสน โดยข่าวลวงอาจแพร่ผ่านอีเมล์ หรือเครือข่ายทางสังคม ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล เศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น