หน้าแรก

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1

 ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาแอปพลิเคชั่น

การเขียนโปรแกรมภาษามีขั้นตอนการทำงานที่เรียกว่า วงจรพัฒนาโปรแกรม โดยใช้ผังงานช่วยในการออกแบบโปรแกรม เพื่อให้โปรแกรมภาษาที่พัฒนานั้นสามารถแก้ปัญหาหรือส่งเสริมการทำงานได้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ

วงจรพัฒนาโปรแกรม

          วงจรพัฒนาโปรแกรมมีจุดประสงค์หลักเพื่อสร้างโปรแกรมภาษาสำหรับแก้ปัญหา และส่งเสริมการทำงานในระบบงานหนึ่ง ๆ แบ่งเป็น ขั้นตอน ดังนี้

1. การวิเคราะห์ปัญหา (Analyze the Problem) เป็นขั้นตอนการศึกษาถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และค้นหาสิ่งที่ต้องการเพื่อพิจารณาสิ่งต่อไปนี้

          Input   คือ      ข้อมูลที่จะนำเข้าสู่คอมพิวเตอร์มีอะไรบ้าง

          Process          คือ      วิธีการประมลผลข้อมูลที่นำเข้าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการคืออะไร

          Output คือ      การแสดงผลลัพธ์ที่ได้คืออะไร และมีรูปแบบเป็นอย่างไร


2. การออกแบบโปรแกรม (Design a Program) เป็นขั้นตอนการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ออกแบบลำดับขั้นการทำงานของโปรแกรม เพื่อให้เห็นทิศทางหรือการทำงานโดยรวมของโปรแกรม ตัวอย่างเครื่องมือที่ใช้ในการออกแบบโปรแกรม เช่น รหัสจำลอง และผังงาน

3. การเขียนโค้ด (Coding) เป็นขั้นตอนการสร้างโปรแกรมผ่านการเขียนโค้ด การคอมไพล์ และการทดลองใช้โปรแกรม โดยการเขียนโค้ดจะต้องปฏิบัติตามที่ได้ออกแบบไว้ในขั้นตอนการออกแบบโปรแกรม ซึ่งผู้สร้างโปรแกรมภาษาจะต้องเลือกใช้ภาษาคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสมกับการทำงานของโปรแกรม เนื่องจากภาษาคอมพิวเตอร์แต่ละภาษาจะเหมาะสมกับการเขียนโปรแกรมภาษาที่ไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น

ภาษาแอสเซมบลี (Assembly Language) เหมาะสำหรับเขียนโปรแกรมส่งเสริมการทำงานด้านกราฟิกและงานพัฒนาโปรแกรมระบบ

ภาษาโคบอล (COBOL : Common Business Oriented Language) เหมาะสมสำหรับการเขียนโปรแกรมส่งเสริมการทำงานด้านธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลจำนวนมาก

ภาษาฟอร์แทรน (FORTRAN : Formula Transiator Language) เหมาะสำหรับเขียนโปรแกรมส่งเสริมการทำงานด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ คณิตศาสตร์ ที่มีการคำนวณที่ยุ่งยาก

ภาษาจาวา (JAVA Language) เหมาะสำหรับเขียนโปรแกรมประยุกต์ทั่วไป

ภาษาซีพลัสพลัส (C++ Language) เหมาะสำหรับเขียนโปรแกรมประยุกต์ ที่มีความยืดหยุ่น และต้องการความรวดเร็ว

4. การทดสอบโปรแกรม (Testing) เป็นขั้นตอนในการทดลองใช้โปรแกรมตามเงื่อนไขต่าง ๆ ที่กำหนดขึ้นเพื่อให้รู้ปัญหาในการใช้โปรแกรม แล้วนำปัญหาดังกล่าวมาแก้ไขเพื่อให้โปรแกรมนั้นมีประสิทธิภาพในการใช้งานมากที่สุด การทดสอบโปรแกรมโดยผู้สร้างโปรแกรมภาษาสามารถทำได้ ลักษณะ คือ การตรวจสอบข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น และการตรวจสอบความถูกต้องของโปรแกรม

4.1 การตรวจสอบข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น ได้แก่

          การเขียนโปรแกรมที่ผิดหลักไวยากรณ์ (Syntax Error) เช่น ในโปรแกรมที่เขียนขึ้นมามีคำที่สะกดผิด คอมพิวเตอร์จะแจ้งให้ทราบถึงข้อผิดพลาดนั้น ๆ

          ความผิดพลาดที่เกิดระหว่างการทำงานของโปรแกรม (Runtime Error) เช่น การใช้คอมพิวเตอร์คำนวณค่าตัวเลขใด ๆ ที่หารด้วยศูนย์ ซึ่งผู้สร้างโปรแกรมภาษาจะต้องเขียนภาษาคอมพิวเตอร์ป้องกันความผิดพลาดดังกล่าวไว้ในชุดคำสั่งด้วย

          ตรรกะในการสั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงานผิด (Logical Error) เป็นข้อผิดพลาดที่แก้ไขได้ยากที่สุด เนื่องจากความผิดพลาดประเภทนี้ถึงจะแก้ไขได้ในขณะนั้น แต่ก็อาจเกิดความผิดพลาดขึ้นอีกได้ในอนาคต

4.2 การตรวจสอบความถูกต้องของโปรแกรม ได้แก่

          การใส่ข้อมูลที่ทราบผลลัพธ์อยู่แล้ว เพื่อตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้ตรงกัน

          การตรวจสอบขอบเขตของข้อมูลที่ป้อน เพื่อตรวจสอบผลลัพธ์ที่ไม่มีทางเป็นไปได้ เช่น ป้อนข้อมูลเดือนที่ 13 เป็นต้น

          การใช้ความสมเหตุสมผล

          การตรวจสอบข้อมูลที่เป็นตัวเลขและตัวอักษร เช่น รหัสไปรษณีย์

5. การบำรุงรักษา (Maintenance) เป็นขั้นตอนที่จะต้องปฏิบัติเมื่อมีการใช้งานจริงระยะแรกผู้สร้างโปรแกรมภาษาหรือผู้รับผิดชอบจะต้องเฝ้าดูและหาข้อผิดพลาดของโปรแกรมเพื่อทำการแก้ไข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น